คนอ่านบทความคุณ

ทุกครั้งที่คนพิมพ์คำใน Google ไม่ว่าจะเป็นคำว่า ลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกาย โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน ร้านกาแฟเปิดดึกสุขุมวิท มันไม่ได้แค่สะท้อน “สิ่งที่เขาอยากรู้” แต่มันสะท้อน “ความตั้งใจบางอย่างที่อยู่ในใจเขา” นั่นแหละครับ คือสิ่งที่เรียกว่า Search Intent

ถ้าคุณเข้าใจว่าเขา “กำลังหาอะไร” จริง ๆ คุณก็จะเขียนบทความที่ “ตรงกับใจ” มากกว่าแค่ตรงกับคีย์เวิร์ดและเมื่อคุณตอบเขาได้ตรง เขาจะอยู่บนเว็บนานขึ้น อ่านจบ คลิกต่อ เชื่อใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ Google ก็มองว่า “เว็บคุณมีคุณค่า” และให้รางวัลด้วยการจัดอันดับที่ดีขึ้นครับ

ทำ SEO แบบเน้น Search Intent = เขียนเพื่อคน ไม่ใช่เขียนเพื่อบอท

หลายคนยังเข้าใจว่า SEO คือการเอาคีย์เวิร์ดมาแทรก ๆ ลงไปในบทความแต่ไม่ได้ใส่ใจว่า

  • คนที่เสิร์ชคำนั้น กำลังเจอปัญหาอะไร?
  • เขาอยากได้คำตอบเร็วแค่ไหน?
  • เขาอยู่ในช่วงไหนของการตัดสินใจ?

ลองคิดดูครับคนที่พิมพ์ว่า “ปากกาลดน้ำหนักดีไหม” กับคนที่พิมพ์ว่า “ซื้อปากกาลดน้ำหนักยี่ห้อไหนดี”แม้คีย์เวิร์ดจะใกล้กันมาก แต่ Intent ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

  • คนแรกยัง “ลังเล” ต้องการบทความรีวิว เปรียบเทียบ หรืออธิบายวิธีใช้งาน
  • คนที่สอง “พร้อมซื้อ” ต้องการข้อมูลราคา โปรโมชั่น หรือคลิกลิงก์สั่งซื้อทันที

บทความที่ตอบ “Intent ไม่ตรง” = มีโอกาสหลุดอันดับ เพราะคนเข้ามาแล้วออกเร็ว

ทำ SEO แบบเน้น Search Intent

ประเภทของ Search Intent ที่เจ้าของธุรกิจควรรู้

Google (และผู้ใช้) แบ่งเจตนาการค้นหาออกได้ประมาณ 4 แบบหลัก ๆ

ประเภท Intentตัวอย่างคำค้นสิ่งที่ควรเขียนในบทความ
Informational (หาข้อมูล)“วิธีทำความสะอาดฟิลเลอร์”ให้ข้อมูลชัดเจน เป็นประโยชน์ ตรงคำถาม
Navigational (หาชื่อแบรนด์/บริการ)“Move On Marketing SEO”ทำให้ชื่อเว็บหรือบริการปรากฏชัด ตรงจุด
Transactional (พร้อมซื้อ/เปรียบเทียบ)“ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี”ทำตารางเปรียบเทียบ รีวิวสินค้า CTA ชัด
Commercial Investigation (กำลังตัดสินใจ)“คอร์สรักษาสิวที่ไหนดี”รีวิว + ข้อดีข้อเสีย + คำตอบจากลูกค้าเก่า

คุณควรเขียนบทความโดย เจาะตาม Intent ของคำที่คนเสิร์ช เพราะ Google จะดูว่าบทความของคุณ “ให้ในสิ่งที่เขาต้องการหรือเปล่า” ไม่ใช่แค่ดูว่ามีคีย์เวิร์ดครบหรือไม่

ตัวอย่างบทความที่ตอบ Intent ตรง = ติดอันดับง่าย

คำค้น: “หน้าใสแบบไม่ใช้ครีม” ถ้าคุณเขียนบทความที่พูดถึง

  • การปรับพฤติกรรม
  • วิธีดื่มน้ำให้พอ
  • การนอนให้ผิวพัก
  • เทคนิคธรรมชาติ (เช่น ทานวิตามิน ผัก ผลไม้)

แปลว่าคุณเข้าใจว่า “คนเสิร์ชไม่อยากซื้อของ”เขาอยากได้แนวทางจากธรรมชาติ

Google ก็จะเห็นว่าคุณ “เข้าใจเจตนา” และให้บทความคุณขึ้นอันดับแม้ไม่ได้ยาวมาก หรือใส่คีย์เวิร์ดบ่อย ๆ เลยก็ตามครับ

ถ้าคุณไม่เข้าใจ Search Intent จะเกิดอะไรขึ้น?

  • เขียนยาว แต่คนอ่านไม่จบ
  • คนเข้ามาแล้วออกเร็ว (Bounce rate สูง)
  • CTR ต่ำ เพราะหัวข้อไม่ตรงกับสิ่งที่เขาอยากรู้
  • แม้ยิงแอดคนก็ไม่คลิก เพราะไม่มั่นใจ

SEO จะเริ่มทำงานไม่ได้เลยหากคุณเขียนโดยไม่รู้ว่า “เขากำลังหาอะไรอยู่ตอนนั้น”

ถ้าคุณไม่เข้าใจ Search Intent จะเกิดอะไรขึ้น

วิธีเข้าใจ Intent ก่อนเขียนแบบง่าย ๆ

  1. ค้นคำที่คุณจะใช้ใน Google แล้วดู Top 3 เว็บไซต์แรก
    ดูว่าเขาเขียนตอบเรื่องอะไร โทนแบบไหน
  2. อ่านคอมเมนต์ในบทความหรือเพจที่เกี่ยวข้องกับคำค้นนั้น
    คำถามซ้ำ ๆ คือสิ่งที่คนยังไม่ได้คำตอบ
  3. ดูจาก People also ask หรือคำถามที่คนมักถามใน Google
    ตรงนั้นคือ Intent แบบสด ๆ ที่ Google แนะนำเลยครับ

สรุปจากแอดมิน

บทความ SEO ที่ดีไม่ใช่บทความที่ “เขียนยาวที่สุด” หรือ “ยัดคีย์เวิร์ดดีที่สุด” แต่คือบทความที่ “เข้าใจคนที่เสิร์ช” ได้ดีที่สุดทุกครั้งที่คุณจะเริ่มเขียน ให้ถามตัวเองก่อนว่า“คนที่ค้นคำนี้ เขาอยากรู้อะไร?”และเมื่อคุณตอบเขาได้จริง SEO จะตอบแทนคุณในแบบที่ยั่งยืนที่สุดครับ

เขียน/เรียบเรียงโดย: บจก. มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
LINE ID @moveonmarketing
Mobile : 064 989 9797
Email : [email protected]

หากสนใจให้เราดูแลเรื่อง SEO เชิญทางนี้ได้เลยนะครับ : https://www.moveonmarketing.com/seo