เทคนิคการทำ SEO สำหรับ Salepage

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจออนไลน์เป็นไปอย่างดุเดือด การมีเว็บไซต์ขายสินค้าและบริการที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายอีกด้วย

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้ Salepage บน WordPress ของคุณประสบความสำเร็จ คือการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำเทคนิคการทำ SEO สำหรับ Salepage บน WordPress ที่จะช่วยให้คุณมียอดเข้าชมเว็บไซต์และยอดขายที่เพิ่มขึ้น

สารบัญเนื้อหา
  1. วิธีเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ดีและมีการค้นหา
  2. วิธีปรับโครงสร้างให้รองรับการทำ SEO
  3. รู้จักกับการเล่นเรื่อง (Storytelling)
  4. ใช้เรื่องราว (Storytelling) ไปใช้ในรูปแบบ SEO
  5. การเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ (Link Wheel)

วิธีเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ดีและมีการค้นหา

การเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาของ Salepage เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในผลการค้นหาของ Google ได้ง่ายขึ้น คำหลักที่เราแนะนำคือ “Salepage” เนื่องจากมีปริมาณการค้นหาสูงและการแข่งขันไม่มากเกินไป

วิธีปรับโครงสร้างให้รองรับการทำ SEO

การจัดโครงสร้างบทความให้เป็นระบบตามหลัก SEO เป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้แท็ก HTML เช่น Header, H1, H2, H3 เพื่อแบ่งเนื้อหาเป็นหัวข้อย่อย และแสดงลำดับความสำคัญ ทำให้บทความอ่านง่าย น่าสนใจ และเข้าใจง่ายขึ้น นอกจากนี้ ชื่อเรื่อง (Title) และ Meta Description ก็ควรดึงดูดใจ และมีคีย์เวิร์ดสำคัญ

image 3

วิธีใช้คีย์เวิร์ดใน Title Tag

Title Tag คือตัวอักษรที่ปรากฏในแท็บของเบราว์เซอร์ และเป็นชื่อหน้าที่แสดงผลในหน้าผลการค้นหา โดย title tag จะสั้นจะยาวไม่มีข้อกำหนดตายตัว แต่โดยหลักพื้นฐานที่ใช้กัน ควรมีความยาวประมาณ 50-60 ตัวอักษร เพื่อให้แสดงผลครบถ้วนบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing, Yahoo, CC Search, Yandex เป็นต้น

คีย์เวิร์ดหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาควรอยู่ใน title tag โดยเฉพาะตำแหน่งเริ่มต้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้ค้นหา ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำ ๆ เกินไป เพราะอาจถูกมองว่าเป็นสแปม

วิธีใช้คีย์เวิร์ดใน Meta Description

Meta Description เป็นคำอธิบายสั้นๆ ที่แสดงผลใต้ title tag ในหน้าผลการค้นหา และควรมีความยาวประมาณ 150-160 ตัวอักษร (ยิ่งยาวไม่ได้แปลว่ายิ่งดี ต้องครอบคลุมทั้งหน้า ถือว่าดี)

Meta Description ควรมี คีย์เวิร์ดหลักและคำเสริมที่สะท้อนเนื้อหาได้ดี เน้นการใช้ภาษาที่กระชับและน่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้คลิกเข้ามาที่หน้าเว็บ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไป เพราะอาจทำให้เสียความน่าเชื่อถือและไม่เป็นธรรมชาติ

image 4

วิธีใช้คีย์เวิร์ดใน Headings (H1, H2, H3)

Headings เป็นโครงสร้างที่ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจลำดับความสำคัญของเนื้อหาในหน้าเว็บ H1 ถือเป็นหัวข้อหลักของเนื้อหา โดยควรใส่คีย์เวิร์ดหลักใน H1 เช่น “รับทำ SEO“เพื่อให้สอดคล้องกับหัวข้อหลักของเนื้อหา โดยส่วนจะประยุกต์จาก meta title tag ให้มีความคล้ายและมีคีย์เวิร์ด ก็เพียงพอต่อการใช้งาน

H2 และ H3 ควรใช้คีย์เวิร์ดรองและคีย์เวิร์ดเสริมตามความเหมาะสม อาจใช้คีย์เวิร์ดรองหรือการเล่นคำที่เกี่ยวข้องกัน เช่น “บริการรับทำ SEO, รับทำ SEO สายขาว” เป็นต้น โดยส่วนมากจะใช้หลัการในการช่วยแยกประเด็นเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายและยังเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับที่ดีขึ้น

หลีกเลี่ยงการใส่คีย์เวิร์ดแบบ (Keyword Stuffing) ลองวางโครงสร้างหัวข้อโดยให้แต่ละส่วนของเนื้อหามีการใช้งานคีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญ

คำแนะนำมือใหม่ ควรอ่าน!

รู้จักกับการเล่นเรื่อง (Storytelling)

การใช้เทคนิคการเล่าเรื่อง (Storytelling) ในการนำเสนอเนื้อหาเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้บทความน่าสนใจ และทำให้ผู้อ่านจดจำได้ดีขึ้น ผสมผสานประสบการณ์ส่วนตัว มุมมองเฉพาะ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อโน้มน้าวผู้อ่านให้อยากอ่านต่อและเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยจะมีหลักการสำคัญของการเล่าเรื่องราว ดังนี้

1. จุดมุ่งหมายตรงประเด็นและชัดเจน

การเล่าเรื่องราวที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนจะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความน่าสนใจและมีแรงจูงใจที่จะติดตาม การเล่าเรื่องที่ดีควรเริ่มด้วยการกำหนดว่าเรื่องราวนี้ต้องการให้ผู้ฟังหรือผู้ชมรู้สึกอย่างไร เช่น ประทับใจ สนใจ หรือรู้สึกใกล้ชิดกับตัวละครในเรื่องราว

image 5

2. เชื่อมโยงกับอารมณ์ (Emotional Connection)

การเล่าเรื่องที่กระตุ้นอารมณ์ (Emotional Connection)จะทำให้ผู้ฟังจดจำเนื้อหาได้ดีและมีโอกาสที่จะผูกพันกับเรื่องราวมากขึ้น การเลือกใช้คำที่สะท้อนอารมณ์ หรือการเล่าด้วยภาพตัวละครที่เผชิญปัญหาและความท้าทาย ทำให้เกิดการเชื่อมโยงอารมณ์ที่ทรงพลัง

3. สร้างความขัดแย้งหรือความตื่นเต้น (Conflict)

ในทุกเรื่องราวมักจะมีความขัดแย้งหรือปัญหาที่ต้องแก้ไข เช่น ตัวละครที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคหรือการเผชิญความท้าทาย การสร้างความขัดแย้งจะช่วยให้ผู้ฟังมีความสนใจติดตามและอยากรู้ว่าจะจบลงอย่างไร

4. ใช้โครงสร้างเรื่องราวอย่างมีระบบ (Structure)

โครงสร้างของเรื่องราวทั่วไปจะประกอบไปด้วย การเริ่มต้น (Introduction), การเผชิญปัญหา (Conflict or Rising Action) และ บทสรุป (Resolution) การจัดโครงสร้างเช่นนี้ช่วยให้เรื่องราวมีความไหลลื่น น่าติดตาม และสามารถสร้างความจดจำได้ง่าย

image 6

5. นำเสนอรายละเอียดด้วยภาพ (Visual Storytelling)

การเล่าเรื่องด้วยภาพทำให้ผู้ชมเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจได้ทันที โดยการใช้ภาพประกอบ สัญลักษณ์ หรือแม้แต่เสียงดนตรีจะเพิ่มมิติในการเล่าเรื่องให้สมบูรณ์และสมจริง

6. เน้นคุณค่า (Value) ที่แฝงอยู่ในเรื่องราว

เรื่องราวที่ดีควรสะท้อนคุณค่าหรือบทเรียนที่แฝงอยู่ เช่น ความพยายาม ความซื่อสัตย์ หรือการเอาชนะอุปสรรค เรื่องราวที่สะท้อนคุณค่าเหล่านี้มักมีผลกระทบที่ทรงพลังและทำให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจ

ใช้เรื่องราว (Storytelling) ไปใช้ในรูปแบบ SEO

การนำเทคนิค การเล่าเรื่องราว (Storytelling) ไปใช้ใน SEO ช่วยให้เนื้อหามีความน่าสนใจและเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น ทั้งยังทำให้เว็บไซต์ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้และมีประสิทธิภาพในอันดับการค้นหา โดยมีแนวทางการใช้ดังนี้

1. ใช้ คำหลัก (Keywords) ในเรื่องราวอย่างเป็นธรรมชาติ

การเล่าเรื่องช่วยให้การใช้คำหลักในเนื้อหามีความสมจริงและไม่ถูกยัดเยียด โดยแทรกคำสำคัญลงไปอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น เมื่อพูดถึง “รับทำ Wordrpess” อาจเล่าประสบการณ์ของลูกค้าจริงในโครงการต่างๆ ทำให้คำสำคัญกลมกลืนกับเรื่องราว

image 7

2. เชื่อมโยงอารมณ์กับผู้ชม

เรื่องราวที่กระตุ้นอารมณ์มักทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมและจดจำเนื้อหาได้ดี ซึ่งช่วยเพิ่มเวลาการเยี่ยมชม (Time on Site) และลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) อันเป็นปัจจัยสำคัญใน SEO เช่น การเล่าประสบการณ์ลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์และรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง

3. โครงสร้างเนื้อหา ที่เหมาะสมกับ SEO

การแบ่งเนื้อหาให้เป็นโครงสร้างที่เข้าใจง่าย เช่น การจัด H2, H3 และ H4 ให้เนื้อหามีลำดับขั้นเรื่องราวที่ดี จะช่วยให้ผู้ชมสามารถติดตามอ่านได้ง่าย และยังทำให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจหัวข้อสำคัญในหน้าเว็บไซต์ได้ดีขึ้น

4. ใช้ภาพประกอบหรือสื่อมัลติมีเดีย เพิ่มเติม

การเล่าเรื่องราวพร้อมกับภาพหรือวิดีโอประกอบจะดึงดูดสายตาและสร้างมิติในการเล่าเรื่อง ช่วยให้เนื้อหามีความน่าสนใจ ซึ่งส่งผลบวกต่อ SEO เช่น รูปภาพสวยๆ หรือวิดีโอสั้นๆ ที่มีคำหลักในคำบรรยายหรือคำอธิบาย

5. สร้างลิงก์ภายใน (Internal Linking)

เชื่อมโยงเนื้อหาในเรื่องราวกับบทความอื่นๆ ในเว็บไซต์ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงภายใน (Internal Link) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของ SEO และช่วยให้ผู้อ่านติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง เช่น ลิงก์ไปยังบทความเกี่ยวกับเคล็ดลับหรือข้อมูลเชิงลึก

6. การเขียน Meta Description ที่เน้นการเล่าเรื่อง

คำบรรยาย Meta ควรใช้การเล่าเรื่องที่สั้นและดึงดูดใจ พร้อมแทรกคำหลักสำคัญลงไป เช่น การสรุปประสบการณ์หรือผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการอ่านเรื่องราวในเว็บไซต์ ช่วยให้ผู้อ่านคลิกเข้ามาดูรายละเอียด

ตัวอย่างการนำ Storytelling มาใช้ในการเขียน SEO

แทนที่จะเขียนว่า “เคล็ดลับ SEO สำหรับ Salepage บน WordPress” อาจเปลี่ยนเป็น “ขั้นตอนสู่ความสำเร็จของการทำ Salepage บน WordPress ควบคู่ไปกับการทำ SEO เพียงแค่หน้าเดียว ก็ปิดการขายได้

การผสมผสานเรื่องราวที่ดีและการใช้เทคนิค SEO ช่วยให้เนื้อหามีคุณค่าและน่าสนใจ อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับที่ดีในหน้าแรกของการค้นหา

image 8

การเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ (Link Wheel)

การเพิ่มลิงก์หรือที่เรียกว่า (Link Wheel) ภายในเว็บไซต์ไปยัง URL ที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ในจุดที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มอันดับการจัดอันดับของ Google และช่วยให้ผู้อ่านค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่ายขึ้น

เป็นเทคนิคการเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ที่สร้างเครือข่ายลิงก์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ (Authority) ของหน้าเว็บหลักและเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา โดยเฉพาะในเชิงของ SEO การใช้ Link Wheel อย่างถูกต้องจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีการเชื่อมโยงที่ครอบคลุมและเพิ่มการเข้าถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันมากขึ้น นี่คือข้อมูลหลักเกี่ยวกับการใช้ Link Wheel

โครงสร้างของ Link Wheel

Link Wheel คือการเชื่อมโยงเนื้อหาภายในที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นวงกลม (เหมือนการสร้างล้อ) โดยในแต่ละเนื้อหาจะเชื่อมโยงไปยังอีกบทความที่เกี่ยวข้องกันเป็นลำดับ ตัวอย่างเช่น บทความ A เชื่อมโยงไปยังบทความ B ไป C, C ไป D และสุดท้ายเชื่อมกลับมาที่บทความ A ซึ่งจะทำให้ทุกบทความในล้อมีการเชื่อมโยงถึงกันอย่างเป็นระบบ

ประโยชน์ของ Link Wheel ต่อ SEO

  • เพิ่มการเข้าถึงของบอต เนื่องจากแต่ละลิงก์เชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบวงกลม บอตจะสามารถสำรวจเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ลึกขึ้น เพิ่มโอกาสในการจัดอันดับเนื้อหาในเว็บไซต์ให้สูงขึ้น
  • เพิ่มค่า Authority หน้าเว็บที่ถูกเชื่อมโยงหลายครั้งจากหน้าอื่นๆ จะได้รับค่า Authority สูงขึ้นจากเครื่องมือค้นหา ช่วยให้หน้าเว็บมีโอกาสที่จะแสดงผลการค้นหาสูงขึ้น
  • สร้างการจดจำให้กับผู้อ่าน การจัดระบบลิงก์ให้เชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบ Link Wheel ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมมีความเข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และทำให้การท่องเว็บไซต์ไหลลื่นตามหัวข้อที่สนใจ

การวางแผน Link Wheel ให้เหมาะสม

image 9

เพื่อให้ Link Wheel มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรวางแผนดังนี้

  • เชื่อมโยงเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่เชื่อมโยงกันควรเกี่ยวข้องกันโดยตรงเพื่อไม่ให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกสับสน
  • ใช้คำสำคัญในการเชื่อมโยง เลือกใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแต่ละบทความในลิงก์เพื่อให้เครื่องมือค้นหาสามารถจับคู่คำสำคัญกับหน้าเว็บได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้ Link Wheel เกินความจำเป็น การใช้ Link Wheel อย่างมากเกินไปหรือเชื่อมโยงกลับมาหลายครั้งในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติอาจถูกพิจารณาว่าเป็นสแปมและส่งผลลบต่อ SEO

ข้อควรระวังในการใช้ Link Wheel

  • หลีกเลี่ยงการเชื่อมโยงกลับมามากเกินไป ควรใช้ Link Wheel อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ถูกพิจารณาว่ามีการสร้างลิงก์เกินพอดี ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นการสร้างลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ
  • คำนึงถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ ควรสร้าง Link Wheel โดยคำนึงถึงความเป็นประโยชน์และความต้องการของผู้เยี่ยมชมเป็นหลัก แทนที่จะสร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดเครื่องมือค้นหาเท่านั้น
  • การปรับใช้ตามหลักเกณฑ์ของ Google มีนโยบายที่เน้นการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง หาก Link Wheel ของคุณมีเจตนาเพื่อดึงดูดให้บอตเชื่อมโยงมากกว่าการให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้ อาจถูกตรวจจับและลงโทษได้

การนำ Link Wheel ไปใช้ในเว็บไซต์ควรทำอย่างระมัดระวังและให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาเสมอ เพื่อให้การจัดอันดับใน Google มีประสิทธิภาพสูงสุด

กลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความโดดเด่นให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณ ด้วยการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม จัดโครงสร้างบทความตามหลัก SEO และใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในผลการค้นหาของ Google และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น หากคุณสนใจนำไปปรับใช้ ลองลงมือทำดูและสังเกตผลลัพธ์ที่จะตามมา